วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2556

วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 18 ส.ค. วันวิทยาศาสตร์

วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ




รัชกาลที่ 4 บิดาแห่งวิทยาศาสตร์ไทย


วันวิทยาศาสตร์


 ประวัติวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ 

       
   รัฐบาลไทยกำหนดให้วันที่ 18 สิงหาคม เป็นวันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ เนื่องจากวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2411 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสด็จพระราชดำเนินชลมารคและสถลมารค ทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวง ที่ทรงคำนวณพยากรณ์ไว้ล่วงหน้า 2 ปี ว่าจะเกิดในวันอังคาร ขึ้น 1 ค่ำ เดือน 10 ปีมะโรง สัมฤทธิศก จุลศักราช 1230 โดยจะเห็นหมดดวงและชัดเจนที่สุด คือ ที่หมู่บ้านหัววาฬ ตำบลหว้ากอ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตั้งแต่บริเวณ เกาะจาน ขึ้นไปถึง ปราณบุรี และลงไปถึง จังหวัดชุมพร จึงโปรดฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) ไปสร้างค่ายหลวงและพลับพลาที่ประทับ มีคณะนักดาราศาสตร์จากประเทศฝรั่งเศส และเซอร์แฮรี ออด เจ้าเมืองสิงคโปร์เดินทางมาเข้าเฝ้าฯ และร่วมในการสังเกตการณ์ และต่อมาได้มีการสร้าง"อุทยานวิทยาศาสตร์" ที่ อำเภอบ้านหว้ากอ
 วันวิทยาศาสตร์ 2556 ประวัติวันวิทยาศาสตร์ วันวิทยาศาสตร์แห่งชาติ



อุทยานกบินทร์เฉลิมราชย์
 


                     อุทยานนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติ
    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงครองราชย์ครบ 50 ปี
    ในพ.ศ. 2539 ภายในจัดเป็นสวนสุขภาพและสวนสาธารณะ
    เพื่อเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจของประชาชน และเป็นแหล่ง
    ดูนกเป็ดน้ำ ในระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคมของทุกปี
           
  

  

                            กำเนิดของสิ่งมีชีวิต 

      สิ่งมีชีวิตมีกำเนิดมาบนโลกนี้เมื่อไร และเกิดขึ้นได้อย่างไร เป็นความอยากรู้ของมนุษย์มานานแล้ว ในสมัยโบราณ มีความเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตมีกำเนิดมาจากพระเจ้าสร้างขึ้น บ้างก็เชื่อว่า ชีวิตเกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติ แล้วเปลี่ยนแปลงมาเป็นสิ่งมีชีวิตตามทฤษฎีการเกิดเองโดยธรรมชาติ (Spontaneous theory) ซึ่งมีนักปราชญ์สมัยก่อนๆ สนับสนุนแนวคิดนี้ เช่น ทาเลส (Thales) อนาซิแมนเดอร์ (Anaximader) หรือ Aristotle เป็นต้น
ในยุคสมัยต่อมา ความรู้และวิทยากรต่าง ๆ เจริญมากขึ้น ความคิดเห็นเกี่ยวกับกำเนิดของสิ่งมีชีวิตเริ่มเปลี่ยนแปลงไปและขัดแย้งกับความคิดเดิมอยู่บ้างเช่น ฟรานเซลโก เรดิ (Francisco Redi) หลุย ปลาสเตอร์ (Louise Pasteur) ได้ทดลองโดยออกแบบและสร้างเครื่องมือขึ้นมาและได้ข้อสรุปว่าสิ่งมีชีวิตเกิดมาจากสิ่งมีชีวิตเสมอ แต่ก็ยังไม่ได้คำตอบแน่ชัดว่า สิ่งมีชีวิตเริ่มแรกเกิดขึ้นมาได้อย่างไร

ความคิดในยุคสมัยปัจจุบัน วิทยาศาสตร์ได้เจริญก้าวหน้ามากขึ้น โดยเฉพาะความรู้ทางด้านชีวเคมีและอินทรีย์เคมี แนวคิดเกี่ยวกับการเกิดของสิ่งมีชีวิตจึงเปลี่ยนไปจากเดิม และพยายามพิสูจน์ให้เป็นได้ชัดเจนว่าสิ่งมีชีวิตมีกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร เช่น
ฮัลเดน (J.B.S. Haldane) 1924, มูทเนอร์ (R. Bentner) และ โอปาริน (A.I. oparin) บุคคลทั้งสามได้กล่าวทำนองเดียวกันว่า สิ่งมีชีวิตประกอบขึ้นด้วยสารอินทรีย์ซึ่งต้องมีธาตุคาร์บอน ไนโทรเจน ไฮโดรเจน และออกซิเจนประกอบอยู่ ทำให้เชื่อว่า โลกในสมัยแรกระยะหนึ่งนั้นมีภาวะเหมาะสมที่ทำให้ธาตุทั้ง 4 ชนิดมาประกอบกันได้แล้วกลายเป็นสารประกอบส่วนหนึ่งของสิ่งมีชีวิต ต่อมาฮาโรล ซี อูเรย์ (Harold C. Urey) และ สแทนสีย์ แอลมิลเลอร์ (Stanley Lo Miller) 1930 และ 1953 ได้พิสูจน์และทดลองให้เห็นว่าสารอินทรีย์เกิดจากสารอนินทรีย์ โดยเอาไอน้ำแอมโมเนีย มีเทนและไฮโดรเจน มารวมกันโดยใช้กระแสไฟฟ้าช่วยทำให้เกิดเป็นสารอินทรีย์ประเภทโปรตีนขึ้น

ค.ศ.1961 เมลวิน เคลวิน (Mellrin Calvin) ได้ทดลองคล้ายกับสแทนลีย์มิลเลอร์โดยผ่านรังสีแกมมาเข้าไป ปรากฎว่าได้สารประกอบหลายชนิดที่พบในสิ่งมีชีวิต จึงลงความเห็นว่าอินทรีย์สารรวมถึงสิ่งมีชีวิตอาจเกิดจาก อนินทรีย์สารได้
แนวคิดเกี่ยวกับวิวัฒนาการทางเคมี (chemical evolution) เมื่อพื้นผิวโลกเริ่มเย็นลง การรวมกลุ่มของกลุ่มก๊าซและสารต่าง ๆ รอบๆ ผิวโลก ซึ่งประกอบไปด้วยออกซิเจน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน คาร์บอนและธาตุหนักอื่น ๆ เช่น เหล็ก นิเกิล เงิน ซิลิกอน และอลูมิเนียมเป็นต้น ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการวิวัฒนาการทางเคมีของโลก เป็นการเปลี่ยนแปลงที่ใช้เวลานับล้านปี สรุปเป็น 4 ระยะดังนี้
ระยะที่ 1 การเกิดน้ำ แอมโมเนีย และมีเทน จากการรวมกันของสารต่างๆ คือ ออกซิเจน ไฮโดรเจน ไนโตรเจน และคาร์บอน
ระยะที่ 2 การเกิดน้ำตาล กลีเซอรีน กรดไขมัน กรดอมิโน ไพริมิดีนและเพียวริน
ระยะที่ 3 การเกิดแป้ง โปรตีน ลิปิดและกรดนิวคลีอิค
ระยะที่ 4 การเกิดนิวคลีโอโปรตีน
จากพื้นฐานการเกิดสารประกอบดังกล่าว ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของสิ่งมีชีวิต จึงทำให้วิวัฒนาการทางชีวภาพถือกำเนิดเป็นสิ่งมีชีวิตขึ้น ดังนี้
ระยะที่ 5 การเกิดเซลล์ระยะเริ่มแรก และบรรพบุรุษของพืชและสัตว์ ซึ่งมีสมมุติฐานที่อธิบายว่าอินทรีย์สารต่าง ๆ ซึ่งอยู่อย่างอุดมทั้งในทะเลและมหาสมุทรจะมาจับกลุ่มกัน ซึ่ง โอปาริน เรียกชื่อว่า โคอเซอเวต (C0acervate) ไดอะเซอร์เวตจะมีหน่วยโปรตีนเป็นองค์ประกอบ หน่วยโปรตีนที่ละลาน้ำจะทำให้เกิดประจุไฟฟ้า ซึ่งพร้อมที่จะดึงน้ำและอินทรีย์สารอื่น ๆ มารวมกัน ทำให้มีขนาดใหญ่และซับซ้อนขึ้นและแปรสภาพกลายเป็นชีวิตหน่วยแรกขึ้น ซึ่งต่อมาเรียกว่า เซลล์ (Cell)
ระยะที่ 6 เกิดสิ่งมีชีวิตที่เป็นบรรพบุรุษของพืชและสัตว์
เมื่อสิ่งมีชีวิตเริ่มเพิ่มปริมาณมากขึ้น ทำให้ต้องกรอาหารและเกลือแร่มากขึ้น จนอาหารและเกลือแร่ที่มีอยู่เดิมอย่างอุดมสมบูรณ์ ไม่เพียงพอต่อความต้องการ เซลล์ที่ขาดอาหารก็ตายลง ที่เหลือเป็นเซลล์ที่มีความสามารถพิเศษในการปรับตัว (adapt) และนำสิ่งแวดล้อม มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อการดำรงชีวิต การปรับตัวมีวิธีการต่างๆ กัน อันเป็นสาเหตุให้วิถีการดำรงชีวิตแตกต่างกัน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตมาจนถึงปัจจุบั


วันภาษาไทยแห่งชาติ 2556
วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี
ประเทศไทยได้กำหนดให้เป็น "วันภาษาไทยแห่งชาติ" 
  
 
วันภาษาไทยแห่งชาติ 2556 ประวัติ ความสำคัญของวันภาษาไทยแห่งชาติ  

   ธงชาติ และ ภาษา คือสิ่งที่บ่งบอกความเป็นไทย
 
 
        วันภาษาไทยแห่งชาติ วันที่ 29 กรกฎาคมของทุกปี คือ วันที่รำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ในด้านภาษาไทย และเพื่อกระตุ้น ให้ชาวไทยทั้งชาติได้ตระหนักถึงความสำคัญและคุณค่าของภาษาไทย และร่วมใจกันใช้ภาษาไทยให้ถูกต้องเพื่ออนุรักษ์ภาษาไทยให้เป็นเอกลักษณ์อยู่คู่ชาติไทยต่อไป

 
วันภาษาไทยแห่งชาติ 2556

ความเป็นมาของวันภาษาไทยแห่งชาติ

 
 
       สืบเนื่องจากเมื่อ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2505 พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธานและทรงอภิปรายเรื่อง “ ปัญหาการใช้คำไทย ” ร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิในการประชุมทางวิชาการของชุมนุมภาษาไทย คณะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำรัสตอนหนึ่งความว่าณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งทรงแสดงพระปรีชาสามารถและความสนพระราชหฤทัยห่วงใยในภาษาไทย จนเป็นที่ประทับใจผู้ร่วมประชุมครั้งนั้นเป็นอย่างยิ่ง   

10 อันดับ.... อาหารยอดนิยมของคนไทย


ลงความเห็นว่า อาหาร 10 อย่างต่อไปนี้ เป็นอาหารยอดนิยมของคนไทย  มีอะไรบ้าง...มาดูกันค่ะ
อันดับ 10 ผัดไทย


 ร้านอาหารตามสั่งหลายๆ ร้าน คุณแม่ครัวเธอก็มีวิชาทำอาหารเป็นเลิศ สั่งมาเถอะค่ะ...เจ๊ทำได้หมด อยากกินผัดไทยเจ๊ก็ทำได้ (แต่จะกินได้เปล่าก็อีกเรื่องหนึ่ง) หนุ่มสาวชาวเมืองหลายๆคนก็จึงนิยมสั่งผัดไทยมากิน  แม้จะรู้ว่ารสชาติอาจจะสู้ไปกินตามร้านที่ขายผัดไทยโดยเฉพาะไม่ได้ก็ตาม
แต่พวกเขาก็ให้เหตุผลว่า อยากลองสั่งมากินดูบ้างเพราะเบื่อเมนูอาหารแบบเดิมๆ
ที่ต้องกินทุกวัน

อันดับ 9 ราดหน้า-ผัดซีอิ๊ว 


ก็บอกแล้วว่าร้านอาหารตามสั่งน่ะ เจ๊ทำได้หมด ฉะนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจที่เจ๊แกก็สามารถทำก๋วยเตี๋ยวราดหน้าหรือผัดซีอิ๊วให้กินได้ เมนูนี่ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนที่เบื่อข้าวแล้วอยากเปลี่ยนรสชาติมากินก๋วยเตี๋ยวบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยจะนิยมสั่งกันนัก เพราะถึงแม้ว่าเจ๊แกจะทำได้ แต่เรื่องของความอร่อยก็คงต้องบอกเจ๊แกว่า "พอแหลกล่าย"

อันดับ 8 สุกี้


อีกหนึ่งเมนูอาหารของคนเบื่อข้าว การสั่งสุกี้มากินก็ไม่เลวเหมือนกัน แต่ช้าก่อน “สุกี้” ในที่นี้ กรุณาอย่าวาดภาพเลิศหรูอลังการประหนึ่ง ”สุกี้เอ็มเค” แต่มันเป็นเพียงสุกี้ที่เอาวุ้นเส้นมาต้มในน้ำซุป แล้วใส่ใข่  ใส่ผัก ใส่เนื้อ ใส่หมู กุ้ง หอย ปู ปลา อะไรก็ว่าไป รสชาติก็พอทานได้ แต่จะอร่อยมากอร่อยน้อยตรงนี้อยู่ที่น้ำจิ้ม สุกี้ต้องแซ่บ ราดโครมลง ไปในชามสุกี้เลย ถ้าถ้วยเดียวไม่แซ่บพอก็ขอเพิ่มแต่บางคนอาจจะชอบแบบสุกี้แห้งก็มีเหมือนกัน อันนี้ก็แล้วแต่สะดวกล่ะนะ

อันดับ 7 ผัดพริกสดราดข้าว


เมนูนี้บางร้านก็ใช้พริกชี้ฟ้าเม็ดใหญ่มาซอย บางร้านก็เป็นพริกหยวก แต่ไม่ว่าจะยังไงทั้งสองอย่างต้องเป็นพริกสดๆ ไม่ใช่พริกแห้ง ไม่งั้นผิดคอนเซปต์ จากนั้นก็เอาพริกสดมาผัดรวมกับหอมใหญ่ซอย และต้นหอม ใส่เนื้อ หมู ไก่ หรือกุ้ง ตามใจชอบ เป็นอีกเมนูที่หลายๆ คนชอบสั่ง

อันดับ 6 ผัดพริกแกงราดข้าว


เมนูสิ้นคิดอีกอันที่เป็นที่นิยมอย่างสูง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกที่ชอบกินอะไรเผ็ดๆ
เป็นประจำอยู่แล้ว กินไปซู้ดปากไป แต่ก็มีหลายๆ คนที่ไม่ชอบกินเผ็ดมากนักจึงเลี่ยงที่จะสั่งมารับประทานเมนูนี้จึงได้รับความนิยมอยู่ในอันดับกลางๆ

อันดับ 5 ผัดผักราดข้าว


เมนูนี้มีตั้งแต่คะน้าหมูกรอบ กระเฉดหมูกรอบ ผักบุ้งหมูกรอบบางคนไม่กินหมูก็อาจจะเปลี่ยนเป็นไก่ได้ ผัดผักราดข้าวเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในระดับต้นๆ     เช่นกัน ค่าที่ว่ากินง่าย ถูกปากได้สารอาหารครบถ้วนทั้งเนื้อ ทั้งผัก ทั้งข้าว

อันดับ 4 ข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทย


อันนี้เป็นเมนูสิ้นคิดที่สาวๆ มักชอบสั่ง
คิดว่าคงเป็นเพราะความอร่อยของเนื้อหมูที่เอามาทอดในซอสน้ำมันหอยคลุกกับพริกไทย
เสร็จแล้วเอามาโปะกับข้าวสวยร้อนๆ กินกับแตงกวา
ถ้าอยากเพิ่มความพิเศษให้กับเมนูอาจจะสั่งไข่ดาวมาเพิ่มได้
ถ้ากินกลางวันก็อิ่มไปถึงเย็นเลย

อันดับ 3 ข้าวไข่เจียว


สิ้นคิดเข้าไปเรื่อยๆ กับเมนูนี้ นึกอะไรไม่ออกก็เอาล่ะ ข้าวไข่เจียวก็ได้ง่ายสุด ความเสี่ยงต่ำและประกันความไม่อร่อยเพราะถ้าร้านอาหารตามสั่งร้านไหนทำไข่เจียวไม่อร่อยก็ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว อย่างอื่นก็อย่าไปกินมันเลย เป็นเมนูเพลย์เซฟอย่างดีสำหรับคนเมืองแต่ก็สิ้นคิดจริงๆ

อันดับ 2 ข้าวผัด


ใครสั่งข้าวไข่เจียวว่าสิ้นคิดแล้วแต่คนสั่งข้าวผัดกับสิ้นคิดกว่า  เพราะมันเป็นอาหารสุดยอดแห่งความไม่ครีเอทเอาเสียเลย เอาข้าวมาผัดแล้วใส่ใข่ใส่เนื้อสัตว์อะไรก็ว่าไปใส่ผักเขียวๆ ลงไปหน่อยผัดไปผัดมาสองสามทีก็เสร็จแล้ว แต่บางคนอาจจะชอบข้าวผัดเป็นชีวิตจิตใจถ้าไปเจอร้านที่ผัดข้าวผัดได้อร่อยเหาะจริงๆ
ข้าวผัดที่อร่อยต้องเป็นข้าวที่ผัดออกมาแล้วไม่แฉะ เม็ดข้าวขาวนวล ผัดร้อนๆ
ยกเสิร์ฟบีบมะนาวใส่ แล้วราดด้วยพริกน้ำปลา...จบ

อันดับ 1 ข้าวกระเพราไก่+ไข่ดาว


งานนี้ได้อันดับหนึ่งมาอย่างเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นสมกับเป็นเมนูอาหารสิ้นคิดจริงๆแล้วทำไมต้องเป็นกระเพราไก่ไข่ดาว???อันนี้คาดว่าเป็นอาหารที่ถูกปากคนไทยที่สุด ด้วยที่ว่ารสชาติออกแนว Hot & Spicy ถือเป็นเมนูพื้นฐานที่ทุกร้านอาหารตามสั่งต้องมีและแม่ครัวจะฝีมือชั่วแค่ไหนก็ต้องทำได้อร่อย
ส่วนใหญ่จะนิยมสั่งกระเพราไก่และบ่อยครั้งที่คนสั่งมักจะ ควบไข่ดาวเป็น
”กระเพราไก่ไข่ดาว” นัยว่าเป็นคำคล้องจองกันดี เช่น ”ป้าๆ กระเพราไก่ไข่ดาว
จานนึง” อะไรประมาณนี้

การจัดและตกแต่งบ้านแบบประหยัดพลังงาน

การจัดและตกแต่งบ้าน

     บ้านนอกจากจะปัดกวาดเช็ดถูให้สะอาดแล้ว  ยังต้องจัดให้เป็นระเบียบ  เพื่อสะดวกในการปฏิบัติงานและอยู่อาศัย  บ้านเล็กแต่มีผู้อยู่อาศัยมากยิ่งจำเป็นต้องจัดให้ดี  จึงจะทำให้ทุกคนอยู่อาศัยอย่างมีความสุข  การนำสิ่งประดิษฐ์หรือของประดับบ้านมาใช้ประดับตกแต่ง  จะเพิ่มความสวยงามและน่าอยู่ยิ่งขึ้น  สถานที่ในบ้านที่จำเป็นต้องมี  คือ  ห้องนอนหรือบริเวณที่จัดเป็นที่นอน  ที่ปรุงอาหาร  หรือห้องครัวและห้องน้ำห้องส้วม  บางบ้านมีห้องต่างๆ  มากพอสำหรับสมาชิกทุกคน  บางบ้านมีไม่พอจะมีก็เพียงแต่ห้องที่จำเป็น  เช่น  ห้องนอน  ห้องครัว  ห้องส้วม ฉะนั้น  ในการจัดจึงต้องคำนึงถึงสภาพบ้าน  จำนวนคนที่อยู่อาศัย  และประโยชน์ใช้สอยที่ต้องการ 


การตกแต่งห้องนอน


                    

               ห้องนอน     เป็นห้องส่วนตัวที่ให้ความรู้สึกสบายที่สุดของบ้าน ใช้พักผ่อนคลายความเครียดและใช้ทำกิจกรรมส่วนตัวอื่น เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง เป็นต้น จึงต้องเป็นห้องที่เย็นสบาย  อากาศถ่ายเทได้สะดวก   ควรอยู่ทางทิศตะวันออกของบ้าน  เพื่อแสงแดดจะได้ส่องถึงในตอนเช้า และไม่ร้อนระอุ ในเวลากลางคืน  เราจำเป็นต้องรักษาความสะอาด  จัดให้น่าอยู่  จะทำให้เรามีสุขภาพที่ดีทั้งทางกายและทางใจ


                              ยาเสพติด

สิ่งเสพติด หมายถึง สารเคมี หรือสารใดก็ตาม ซึ่งเมื่อบุคคลเสพ หรือรับเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าโดยการฉีด การสูบ การกิน การดม หรือวิธีอื่น ติดต่อกัน เป็นเวลานาน หรือช่วงระยะเวลาหนึ่ง แล้วจะก่อให้เกิดเรื้อรัง ซึ่งจะทำให้เกิดความเสื่อมโทรมขึ้นแก่บุคคลผู้เสพ และแก่สังคมด้วย ทั้งจะต้องทำให้ ผู้เสพแสดงออกซึ่งลักษณะ ดังนี้
  1. ผู้เสพมีความต้องการอย่างแรงกล้า ที่จะเสพยาชนิดนั้น ๆ ต่อเนื่องกันไป และต้องแสวงหายาชนิดนั้น ๆ มาเสพให้ได้ไม่ว่าด้วยวิธีการใด ๆ ก็ตาม
  2. ผู้เสพจะต้องเพิ่มปริมาณของยาที่เคยใช้ให้มากขึ้นทุกระยะ
  3. ผู้เสพจะมีความปรารถนาอยากเสพยาชนิดนั้น ๆ อย่างรุนแรง ระงับไม่ได้ คือ มีการติดและอยากยาทั้งทาง ด้านร่างกายและจิตใจ






2. วันวิสาขบูชา เป็นวันที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมโพธิญาณ

          หลังจากออกผนวชได้ 6 ปี จนเมื่อพระชนมายุ 35 พรรษา เจ้าชายสิทธัตถะก็ทรงตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ณ ใต้ร่มไม้ศรีมหาโพธิ์ ฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ตำบลอุรุเวลาเสนานิคม ในตอนเช้ามืดของวันพุธ ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ปีระกา ก่อนพุทธศักราช 45 ปี ปัจจุบันสถานที่ตรัสรู้แห่งนี้เรียกว่า พุทธคยา เป็นตำบลหนึ่งของเมืองคยา แห่งรัฐพิหารของอินเดีย

          สิ่งที่ตรัสรู้ คือ อริยสัจสี่ เป็นความจริงอันประเสริฐ 4 ประการของพระพุทธเจ้า ซึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปที่ต้นมหาโพธิ์ และทรงเจริญสมาธิภาวนาจนจิตเป็นสมาธิได้ฌานที่ 4 แล้วบำเพ็ญภาวนาต่อไปจนได้ฌาน 3 คือ
          
           ยามต้น : ทรงบรรลุ "ปุพเพนิวาสานุติญาณ " คือ ทรงระลึกชาติในอดีตทั้งของตนเองและผู้อื่นได้
           ยามสอง : ทรงบรรลุ "จุตูปปาตญาณ" คือ การรู้แจ้งการเกิดและดับของสรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้วยการมีตาทิพย์สามารถเห็นการจุติและอุบัติของวิญญาณทั้งหลาย
           ยามสาม หรือยามสุดท้าย : ทรงบรรลุ "อาสวักขญาณ" คือ รู้วิธีกำจัดกิเลสด้วย อริยสัจ 4 (ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค) ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในคืนวันเพ็ญเดือน 6 ซึ่งขณะนั้นพระพุทธองค์มีพระชนมายุได้ 35 พรรษา

วันวิสาขบูชา

       ผมชื่่อ นายสิทธิภร  นาคทอง  
เกิด 10 ตุลาคม 2540   อายุ 15 ปี 

ที่อยุ่ 126 หมู่ 10 ต.ย่านรี อ.กบิทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี

ศึกษาอยู่ที่โรงเรียน วังตะเคียนวิทยาคม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่4/3

ผมมีความรู้สึกดีใจมากที่ได้มาเรียนอยู่โรงเรียนวังตะเคียนวิทยาคม ได้มาศึกษาหาความรู้เพิ่ม เพราะมันเป็นหน้าที่ ที่เราต้องมาศึกษาหาความรู้


                                                                                ไว้เจอกันใหม่  สวัสดีครับ